วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 กับประชาชนภาคอีสาน


      อีสานคือพื้นที่หนึ่งพี่น้องไทยยังยากจนอยู่มาก แต่อีสานก็ไม่ได้ยากไร้ซึ่งทรัพยากรของแผ่นดินที่บรรพชนมอบให้ หากมีการจัดการที่ถูกต้องก็จะสามารถพลิกฟื้นชีวิตคนอีสานได้

สัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ครอบคลุมอีสานมากที่สุดถึง 16 จังหวัด เป็นพื้นกว่า 20 ล้านไร่ ดังนั้น ความรู้ความเข้าใจในสิทธิของคนอีสานในทรัพยากรใต้บ้านของตนจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่ง



และวันนี้ สัมนาพลังงานเพื่อพี่น้องอีสานมาถึงแล้ว ด้วยกำลังกาย กำลังใจและความพยายามอย่างมาก ของบุคคลหลายหลายฝ่ายที่มองเห็นสิทธิของประชาชนคือสิ่งสำคัญ

พบกันในงานสัมนาด้านพลังงานเพื่อความปรองดองของพี่น้องไทย ที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดที่โดนสัมปทานค่อนจังหวัด เป็นพื้นที่กว่า 5 ล้านไร่

จึงขอพี่น้องมากันให้มากๆ มาเพื่อรู้จักสัมปทานรอบที่ 21กันอย่างเต็มที่



วันที่ 16 ธันวาคม 2557 เวลา 9.30 น เป็นต้นไป
โรงแรมสีมาธานีครับ

แชร์ให้พี่น้องอีสาน ได้ทราบด้วยครับ

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สาเหตุ หนึ่งของน้ำมันแพง


      สาเหตุ หนึ่งของน้ำมันแพงนอกจากปัญหากองทุนน้ำมันแล้ว ยังมีปัญหาราคาเอทานอล หรือ แอลกอฮอล์ ที่ผลิตในประเทศไทย แต่แพงกว่าในสหรัฐฯและบราซิล ที่ถือว่าเป็นตลาดโลกอีก ลิตรละ 10 บาท ทั้งที่ทำจากผลิตผลทางการเกษตร คือจากมันสำปะหลัง และกากน้ำตาล (ข้อมูลจากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย)
ราคาที่แพงกว่าตลาดโลกนี้ ถ้าถึงมือเกษตรกรผู้ยากไร้ เราคนไทยก็คงไม่บ่นอะไร แต่ถ้าไปตกอยู่กับนายทุนที่ร่ำรวยก็คงจะไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค


หรือแม้แต่ เกษตรกร สาเหตุหนึ่งที่ต้องปฏิรูปพลังงานให้มีความโปร่งใส เพราะพลังงานเป็นต้นทุนของทุกอย่างในชีวิตคนไทย ต้นทุนของโรงเรียน ต้นทุนของโรงพยาบาล ต้นทุนของทุกธุรกิจไทย ดังนั้น ราคาพลังงานจึงตัดสินอนาคตของชาติ และคุณภาพชีวิตของคนไทย
คนไทยไม่ได้ต้องการราคาพลังงานถูกๆแบบประชานิยม เพียงแต่ต้องการราคาพลังงานที่โปร่งใสเป็นธรรมเท่านั้น
จากข้อมูลสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ไทยมีการผลิตน้ำมันแก๊ซโซฮอลวันละ 12.7 ล้านลิตร หรือปีละ 4.6 พันล้านลิตร แก๊ซโซฮอล E10 จะผสมเอทานอล 10 % คนไทยจึงจ่ายค่าเอทานอลสูงกว่าตลาดโลกประมาณ 4.6 พันล้านบาท เงินหล่านี้ถึงมือเกษตรกรหรือไม่ นี่คือสิ่งที่น่าหาคำตอบครับ

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เรื่องใหญ่กว่าสัมปทานรอบที่ 21


รูปภาพ : เรื่องใหญ่กว่าสัมปทานรอบที่ 21 คือ การจัดการกับสัมปทานยังมีก๊าซและน้ำมันแต่อายุสัมปทานหมดลง สัมปทานชุดนี้ขุดมาเกือบ 50 ปี ก็ยังไม่หมด มีปิโตรเลียมคิดเป็นกว่า 60% ของปิโตรเลียมที่ผลิตได้ทั้งหมดของไทย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาทต่อปี หากจัดการได้ถูกต้องน่าจะนำมาแก้ปัญหาให้ประเทศได้มากทั้งเรื่องรายได้ของประเทศ และเรื่องราคาพลังงานครับ

ไปฟังความคิดเห็น จากเพจคุณธีระชัย ภูวนาถธรานุบาล อดีต รมต.คลัง 
ท่านกล่าวเรื่องการต่ออายุสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุ ที่ต้องตกเป็นของแผ่นดิน 

แต่ผมขออนุญาติเอาชื่อบริษัทออกนะครับ ส่วนเบอร์ต่างนั้นคือ เบอร์แปลงสัมปทานครับ 
--------------------------------------------
ไม่ควรต่อสัญญา แปลงสัมปทานที่ไกล้หมดอายุรอบแรก

รูปนี้แสดงข้อมูลแปลงสัมปทานสองกลุ่ม ที่ไกล้จะครบสัญญา

ของบริษัท ...... เอราวัณ 10 11 12 และ 13 จะครบปี 2565

ของ ........ บงกช 15 16 17 จะครบปี 2566

ทั้งสองแหล่งมีก๊าซแน่นอน คิดเป็นร้อยละ 60 ของการผลิตก๊าซทั้งประเทศขณะนี้

ถามว่า ควรจะต่อสัญญาให้แก่ทั้งสองรายหรือไม่

ถ้าต่อ ก็โง่มากครับ โง่มาก

เพราะทั้งสองแหล่ง มีก๊าซอยู่แน่นอนแล้ว เอาแต่ดูดขึ้นมา ไม่ต้องเสี่ยงเจาะสำรวจกันอีก

กรณีอย่างนี้ ประเทศอื่นๆ เมื่อสัญญาหมดอายุ เขาจะเปลี่ยนไปใช้วิธีจ้างผลิตครับ

จะจ้างใคร ก็ควรเปิดประมูล ว่าใครจะยอมรับค่าจ้างต่ำที่สุด

วิธีนี้ จะทำให้ผลประโยชน์ ตกกับประเทศชาติ และประชาชนเต็มที่

ขอให้ประชาชนช่วยกันติดตามนะครับ

ถ้ามีข้าราชการผู้ใด เสนอให้ต่ออายุสัมปทาน ท่านตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนได้เลย

ข้าราชการผู้นั้น น่าจะเอื้ออำนวยประโยชน์แก่บริษัทใดบริษัทหนึ่ง 
โดยมิชอบอย่างแน่นอน

https://www.facebook.com/thirachai.phuvanatnaranubala/photos/a.599359930097816.1073741824.183758988324581/869006263133180/?type=1&theater
      เรื่องใหญ่กว่าสัมปทานรอบที่ 21 คือ การจัดการกับสัมปทานยังมีก๊าซและน้ำมันแต่อายุสัมปทานหมดลง สัมปทานชุดนี้ขุดมาเกือบ 50 ปี ก็ยังไม่หมด มีปิโตรเลียมคิดเป็นกว่า 60% ของปิโตรเลียมที่ผลิตได้ทั้งหมดของไทย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาทต่อปี หากจัดการได้ถูกต้องน่าจะนำมาแก้ปัญหาให้ประเทศได้มากทั้งเรื่องรายได้ของประเทศ และเรื่องราคาพลังงานครับ

      ไปฟังความคิดเห็น จากเพจคุณธีระชัย ภูวนาถธรานุบาล อดีต รมต.คลัง 


      ท่านกล่าวเรื่องการต่ออายุสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุ ที่ต้องตกเป็นของแผ่นดิน

      แต่ผมขออนุญาติเอาชื่อบริษัทออกนะครับ ส่วนเบอร์ต่างนั้นคือ เบอร์แปลงสัมปทานครับ
--------------------------------------------
ไม่ควรต่อสัญญา แปลงสัมปทานที่ไกล้หมดอายุรอบแรก

 

รูปนี้แสดงข้อมูลแปลงสัมปทานสองกลุ่ม ที่ไกล้จะครบสัญญาของบริษัท ...... เอราวัณ 10 11 12 และ 13 จะครบปี 2565 ของ ........ บงกช 15 16 17 จะครบปี 2566 ทั้งสองแหล่งมีก๊าซแน่นอน คิดเป็นร้อยละ 60 ของการผลิตก๊าซทั้งประเทศขณะนี้ ถามว่า ควรจะต่อสัญญาให้แก่ทั้งสองรายหรือไม่ ถ้าต่อ ก็โง่มากครับ โง่มาก เพราะทั้งสองแหล่ง มีก๊าซอยู่แน่นอนแล้ว เอาแต่ดูดขึ้นมา ไม่ต้องเสี่ยงเจาะสำรวจกันอีก กรณีอย่างนี้ ประเทศอื่นๆ เมื่อสัญญาหมดอายุ เขาจะเปลี่ยนไปใช้วิธีจ้างผลิตครับ จะจ้างใคร ก็ควรเปิดประมูล ว่าใครจะยอมรับค่าจ้างต่ำที่สุด วิธีนี้ จะทำให้ผลประโยชน์ ตกกับประเทศชาติ และประชาชนเต็มที่ ขอให้ประชาชนช่วยกันติดตามนะครับ ถ้ามีข้าราชการผู้ใด เสนอให้ต่ออายุสัมปทาน ท่านตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนได้เลย ข้าราชการผู้นั้น น่าจะเอื้ออำนวยประโยชน์แก่บริษัทใดบริษัทหนึ่ง
โดยมิชอบอย่างแน่นอน

https://www.facebook.com/thirachai.phuvanatnaranubala/photos/a.599359930097816.1073741824.183758988324581/869006263133180/?type=1&theater

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ราคาน้ำมันเบนซินหน้าปั๊มที่ แอล เอ สหรัฐฯ


      เพือนๆคนไทยในสหรัฐ กำลังสนุกกับการส่งภาพราคาน้ำมันมาให้ผม เพื่อนำมาโพสต์ให้คนไทยทั่วประเทศได้ดูกัน

วันนี้ถึงคิวของราคาน้ำมันเบนซินหน้าปั๊มที่ แอล เอ สหรัฐฯ
ที่สหรัฐขายเป็นแกลลอน 1 แกนลอน= 3.785 ลิตร อัตราแลกเปลี่ยน 32.8 บาทต่อดอลล่าร์

หมายเหตุ ค่าอ๊อกเทนในสหรัฐฯต้องบวกเพิ่มไปประมาณ 5 จึงเท่ากับค่าอ๊อกเทนไทยครับ เพราะวิธีการคำนวนต่างกันนิดหน่อยครับ ดังนั้น


น้ำมันเบนซิน 87 จะเท่ากับ 92
น้ำมันเบนซิน 89 จะเท่ากับ 94
น้ำมันเบนซิน 91 จะเท่ากับ 96

หมายเหตุ สหรัฐเป็นประเทศนำเข้านำมันดิบอันดับ 1 ของโลก มีพลังงานในประเทศไม่พอใช้เช่นเดียวกับไทย แต่ราคาพลังงานถูกกว่า เพราะมีการแข่งขันของผู้ค้า และไม่มีกองทุนน้ำมันเหมือนประเทศไทย

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แหล่งวาสนา แหล่งน้ำมันของไทย


      แหล่งวาสนา แหล่งน้ำมันของไทย

แม้ท่านๆกำลังบอกว่าเมืองไทยพลังงานน้อยมากใครมาลงทุนก็ไม่ค่อยคุ้ม อาจจะจริงเมื่อ 30 ปีก่อน แต่ในวันนี้ฝรั่งกลับไม่พูดเช่นนั้นแล้ว

คลิปนี้ฝรั่งบริษัทนี้เขาบอกผู้ถือหุ้นเขาเกี่ยวกับแหล่งน้ำมัน ชื่อ วาสนา เขาเล่าถึงวิธี การทำงานโดยใช้ Mobile Offshore Production Unit (MOPU) แท่นผลิตน้ำมันแบบเคลื่อน



ที่ คือลากไปวาง ดูดเสร็จก็ย้ายไปดูดที่อื่นต่อไป ประหยัดต้นทุนไม่ต้องรื้อถอน ไปดูภาพสวยๆ แล้วเราจะภูมิใจกับสุวรรณภูมิของเรา

ได้ความรู้ที่ดี ได้ประโยชน์กว่าฟังรัฐพูดซ้ำๆว่าต้นทุนสูง ขุดเจาะยาก กระเปาะเล็ก ราวกับการขุดน้ำมันเป็นเรื่องไสยศาสตร์ คือ ขอให้เชื่อรัฐอย่างเดียวโดยรัฐไม่เคยแสดงหลักฐานอะไร


ทั้งที่เอกสารประเทศอื่นเขาจะพูดคำว่า อัตราผลตอบแทนจากโครงการลงทุน (Internal rate of return = IRR)

ดังนั้น บ่อน้ำมันขนาดเล็กก็ลงทุนได้ถ้า IRR น่าพอใจ แต่บ่อน้ำมันที่ใหญ่กว่าแต่อยู่ทะเลลึกหลายกิโล ค่า IRR ต่ำ ก็ไม่มีใครลงทุนครับ ดังนั้น พลังงานไม่ใช่ไสยศาสตร์ แต่พิสูจน์ได้ครับ



http://www.krisenergy.com/videos/wassana/

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เขื่อนแม่วงศ์กับ อ.ศศิน เฉลิมลาภ



ผมได้มีโอกาสพบอาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ เมื่อคราวน้องๆนักศึกษาจัดนิทรรศการศิลปะ "ผลกระทบเหมืองทองคำ"

อาจารย์เล่าเหตุการณ์ต่างๆในการต่อสู้กับอำนาจอันยิ่งใหญ่ อย่างไม่เคยย่อท้อ นับเป็นเกียรติของผมเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกัน ตอนจบงานผมเดินไปไหว้อาจารย์เพื่อแนะนำ ตัว(เห็นแต่ในทีวี แต่อาจารย์คงไม่รู้จักผม) แต่ที่ไหนได้พอไหว้เสร็จ ยังไม่ทันแนะนำตัวเลย อาจารย์ก็ทักในเรื่องพลังงาน ผมจึงถือโอกาสชักชวนอาจารย์ให้มาช่วยเรื่องพลังงานบ้าง เพราะ หากผมทำคนเดียวคงสำเร็จได้ยาก

ตอนนี้ผมขอ Update สถานการณ์ของอาจารย์แกหน่อย
ขณะนี้ อ.ศศิน เฉลิมลาภ ได้เดินทางมานั่งๆนอนๆ(ไม่รู้ว่าถูกจับไปรึยัง)บริเวณทางเข้าสำนักนโยบายและ แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อประท้วงให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวด ล้อม (คชก.) ตัดสินใจให้รอบคอบในการบริหารจัดการน้ำ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างเขื่อนแม่วงก์ ให้กำลังใจแกด้วยนะครับ อย่าให้แกสู้อย่างโดดเดี่่ยว ยิ่งพวกเราสนใจกันมากๆอาจารย์ก็จะปลอดภัยครับ
-------------------------------------------------
รัฐบาลไหนๆ ก็ชอบเขื่อนแม่วงก์
ประชาชนยุคไหนๆ ก็ค้านเขื่อนแม่วงก์

อำนาจที่แท้จริงเป็นของประชาชน หรือ ไม่?
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
ปล.รูปสวยเพลงเพราะ กดฟังเลยครับ

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สัมปทานกับกัมสิทธิปิโตรเลียมในภาคอีสาน


รูปภาพ : ความจริงกำลังตามไล่หลัง กลุ่มปฏิรูปเพื่อทุนพลังงาน
กลุ่มคนเหล่านี้กุมตำแหน่งใหญ่โต ได้โหมลงสื่อว่า ธรณีวิทยาเมืองไทยต้องใช้สัมปทานเท่านั้น

แต่เรายงานของต่างชาติบริษัทนี้ชี้ชัดว่า พอข้ามโขงไปฝั่งลาวเขาก็ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตได้เป็นปกตื

เหมือนกันกับในภาคใต้ พอเข้าเขตมาเลเซียก็เป็นระบบแบ่งปันผลิตได้ทันที 

ก็น่าตั้งคำถามว่า ข้อมูลของคนกลุ่มนี้เป็นความจริงหรือไม่ และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของใคร

หมายเหตุ สัมปทาน คือการยกกรรมสิทธิ์ปิดตรเลียมทั้งหมดให้เอกชน ระบบแบ่งปันผลผลิต คือหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ รัฐมีทรัพยากร เอกชนมีทุนและเทคโนโลยี เมื่อได้น้ำมันก็นำมาแบ่งกัน ระบบใดดีกว่ากัน คนไทยต้องตัดสินใจครับ
      ความจริงกำลังตามไล่หลัง กลุ่มปฏิรูปเพื่อทุนพลังงาน

กลุ่มคนเหล่านี้กุมตำแหน่งใหญ่โต ได้โหมลงสื่อว่า ธรณีวิทยาเมืองไทยต้องใช้สัมปทานเท่านั้น

แต่เรายงานของต่างชาติบริษัทนี้ชี้ชัดว่า พอข้ามโขงไปฝั่งลาวเขาก็ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตได้เป็นปกตื

เหมือนกันกับในภาคใต้ พอเข้าเขตมาเลเซียก็เป็นระบบแบ่งปันผลิตได้ทันที

 

ก็น่าตั้งคำถามว่า ข้อมูลของคนกลุ่มนี้เป็นความจริงหรือไม่ และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของใคร

หมายเหตุ สัมปทาน คือการยกกรรมสิทธิ์ปิดตรเลียมทั้งหมดให้เอกชน ระบบแบ่งปันผลผลิต คือหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ รัฐมีทรัพยากร เอกชนมีทุนและเทคโนโลยี เมื่อได้น้ำมันก็นำมาแบ่งกัน ระบบใดดีกว่ากัน คนไทยต้องตัดสินใจครับ


update ราคาน้ำมันสหรัฐ


รูปภาพ : เพื่อนที่สหรัฐฯส่งมาให้เมื่อครู่นี้ครับ
คนไทยใช้นำ้มันวันละ 100 ล้านลิตร 
ถ้าหากราคาแพงเกินสมควรไป 1 บาทต่อลิตร 
ก็จะเป็นเงิน 100 ล้านบาทต่อวัน หรือ 36500 ล้านบาทต่อปี

คาดว่าคงมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานอีก  เพราะไม่อยากให้น้ำมันถูก เดี๋ยวไทยจะใช้สิ้นเปลืองครับ

มีข้อท้วงติงว่า สหรัฐฯผลิตน้ำมันดิบได้มากกว่าซาอุฯ น้ำมันจึงราคาถูก 
ขอบตอบว่า อันนี้เป็นเรื่องโกหกครับ เรื่องจริงคือ 
1. สหรัฐพึ่งพิงนำเข้านำมันดิบเป็นอัน 1 ของโลก 
2. กฎหมายสหรัฐ กำหนดว่านำ้มันดิบเป็นของเจ้าของที่ดิน  เขาขายนำ้ัมนดิบที่ขุดได้กันในราคาตลาดโลก 
3. ผู้ค้า ผู้กลั่น ปั๊ม เอากำไรเต็มที่รัฐไม่ควบคุม และไม่อุดหนุนราคา

ดูข้อมูลการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่นี่
http://www.eia.gov/dnav/pet/pet_move_impcus_a2_nus_epc0_im0_mbbl_a.htm

ของไทยแพงกว่าเพราะ
1.กลั่นเมืองไทยแต่สมมติว่าโรงกลั่นไทยไปตั้งที่สิงคโปร์ กลั่นเสร็จที่ระยองศรีราชาแล้วบวกค่าโสหุ้ยนำเข้าจากสิงคโปร์ 
2.ค่าการตลาดสูงเกิน 1.5 บาท ปั๊ม่ได้นิดเดียวผู้ค่ารายใหญ่ได้มาก 
3.บวกกองทุนนำ้มันเพื่อนำเข้าก๊าซ LPG เพราะครม.ให้ปิโตรเคมีใช้ก๊าซจากอ่าวไทยไปก่อน คนไทยจึงต้องใช้ก๊าซนำเข้าราคาแพง
4.ธุรกิจพลังงานมีระดับการแข่งขันต่ำกว่าสหรัฐมาก
      เพื่อนที่สหรัฐฯส่งมาให้เมื่อครู่นี้ครับ

คนไทยใช้นำ้มันวันละ 100 ล้านลิตร
ถ้าหากราคาแพงเกินสมควรไป 1 บาทต่อลิตร
ก็จะเป็นเงิน 100 ล้านบาทต่อวัน หรือ 36500 ล้านบาทต่อปี

คาดว่าคงมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานอีก เพราะไม่อยากให้น้ำมันถูก เดี๋ยวไทยจะใช้สิ้นเปลืองครับ







 


 มีข้อท้วงติงว่า สหรัฐฯผลิตน้ำมันดิบได้มากกว่าซาอุฯ น้ำมันจึงราคาถูก ขอบตอบว่า อันนี้เป็นเรื่องโกหกครับ เรื่องจริงคือ 

1. สหรัฐพึ่งพิงนำเข้านำมันดิบเป็นอัน 1 ของโลก
2. กฎหมายสหรัฐ กำหนดว่านำ้มันดิบเป็นของเจ้าของที่ดิน เขาขายนำ้ัมนดิบที่ขุดได้กันในราคาตลาดโลก
3. ผู้ค้า ผู้กลั่น ปั๊ม เอากำไรเต็มที่รัฐไม่ควบคุม และไม่อุดหนุนราคา

ดูข้อมูลการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่นี่
http://www.eia.gov/dnav/pet/pet_move_impcus_a2_nus_epc0_im0_mbbl_a.htm

ของไทยแพงกว่าเพราะ


1.กลั่นเมืองไทยแต่สมมติว่าโรงกลั่นไทยไปตั้งที่สิงคโปร์ กลั่นเสร็จที่ระยองศรีราชาแล้วบวกค่าโสหุ้ยนำเข้าจากสิงคโปร์
2.ค่าการตลาดสูงเกิน 1.5 บาท ปั๊ม่ได้นิดเดียวผู้ค่ารายใหญ่ได้มาก
3.บวกกองทุนนำ้มันเพื่อนำเข้าก๊าซ LPG เพราะครม.ให้ปิโตรเคมีใช้ก๊าซจากอ่าวไทยไปก่อน คนไทยจึงต้องใช้ก๊าซนำเข้าราคาแพง
4.ธุรกิจพลังงานมีระดับการแข่งขันต่ำกว่าสหรัฐมาก

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พ.ศ. 2561 จะครบรอบ 100 ปี ปิโตรเลียมไทย


      แชร์ให้คนไทยทั้งประเทศรู้ว่า พ.ศ. 2561 จะครบรอบ 100 ปี ปิโตรเลียมไทย ชมภาพประวัติศาสตร์ที่หายาก และรับรู้ความอุตสาหะของบรรพชน
---------------------------------------
จากเวปไซต์วารสารกรมทางหลวง

ถ้าพูดถึงแหล่งน้ำมันดิบแล้ว ทุกคนความคิดจะต้องพุ่ง ไปแถวบริเวณตะวันออกกลาง ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้น แต่ใครจะทราบบ้างว่าเมืองไทยเราได้มีการสำรวจพบแหล่งน้ำมันดิบมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2461

โดยพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้บัญชาการรถไฟหลวง ซึ่งในช่วงนั้นกรมทางก็เป็นหน่วยงานสังกัดในกรมรถไฟหลวงด้วย ได้ทรงติดต่อว่าจ้างนักธรณีวิทยาชาวอเมริกันชื่อ Mr.Wallace Lee มาทำการสำรวจ เมื่อปี พ.ศ.2464 - 2465
----------------------------------------



แหล่งน้ำมันฝางค้นพบในปลายรัชกาลที่ 5 และเริ่มสำรวจช่วงต้นรัชกาลที่ 6

ถือเป็นแหล่งน้ำมันแห่งแรกของประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือ โครงการนี้เริ่มโดยพระบรมราชานุญาต ให้หน่วยราชการไทยดำเนินการเองทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสายพระเนตรอันยาวไกล ในการที่จะพึ่งตนเองด้านพลังงาน

อันเป็นแบบอย่างอันดีให้คนรุ่นหลังได้ประจักษ์ว่า หากมีความตั้งใจไม่ย่อท้อ การใดที่ยาก ก็จะสำเร็จได้ ทั้งที่ฝางในวันนั้น เป็นป่าเขาทุรกันดารมาก และไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างเช่นในปัจจุบัน

ทุกวันนี้ แหล่งน้ำมันฝางยังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่องโดยส่วนราชการไทย สามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 160000 ลิตร หรือ ปีละ 58 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1000 ล้านบาทต่อปี โดยปิโตรเลียที่ได้นี้ เพื่อใช้ในราชการ

100 ปี ปิโตรเลียมไทย ความภูมิใจของคนทั้งชาติ





 
 

















  



 

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วันนี้เสียงของประชาชนอาจไม่ใช่สิ่งที่พึงปราถนา


      ผมเคยไปออกรายการ "เวทีสาธารณะ หรือ รายการเสียงประชาชน" ทางช่องไทยพีบีเอสเพียงครั้งเดียวที่พัทลุง แต่ก็รู้สึกประทับใจกับการทำงานของ คุณณาตยา แวววีรคุปต์ และทีมงาน เพราะทุกคนทำงานด้วยใจ สนใจทุกข์สุขของประชาชนอย่างจริงจัง



      หากรัฐมองเห็นคุณค่า ก็จะได้ประโยชน์จากรายการนี้มาก เพราะเป็นเหมือนกระจกส่องการทำงานของรัฐ อีกทั้งเป็นการได้รับข้อมูลความเดือดร้อนของชาวบ้านโดยตรง

การมองรายการนี้ว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐไม่ควรเกิดขึ้น เพราะการไม่ฟังเสียงของประชาชนก็เท่ากับการซุกปัญหาไว้ใต้พรม รอวันแต่ปํญหาจะบานปลาย

ผู้มีอำนาจที่ดี จะได้ยินเสียงของประชาชนเสมอ แต่วันนี้เสียงของประชาชนอาจไม่ใช่สิ่งที่พึงปราถนา น่าเศร้านัก โดยผู้บริหารได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการนำเสนอรายการ และให้คุณณาตยา พักการจัดรายการชั่วคราวแล้ว

อย่าลืม ไปให้กำลังใจเธอด้วยครับ

รายการเวทีสาธารณะ ตอน เสียงคนใต้ ที่ต้องฟังก่อนปฏิรูป



      ดูคลิปรายการนี้ก่อนถูกถอดจากยูทูป
รายการเวทีสาธารณะ ตอน เสียงคนใต้ ที่ต้องฟังก่อนปฏิรูป ต้นเหตุของการปลดพิธีกรและเปลี่ยนรูปแบบรายการนี้

ผมดูรายการนี้ผมชอบมาก เพราะ การแสดงความคิดเห็นของประชาชนมันคือรากฐานประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่ก็แปลกใจจริงๆว่า มีคนไม่ชอบรายการแบบนี้จนต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงรายการขึ้น

คำที่โดนใจผมในคลิป คือ "การปฏิรูปแบบรับเหมาทำแทนประชาชน" ผมนึกถึงภาพการปฏิรูปพลังงานโดยคนของกลุ่มทุน แล้วผลจะออกมาเพื่อประชาชนมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็ยังอยากจะเดินหน้ากัน...

ราคาน้ำมันจากสหรัฐ


     จาก สว.รสนาเพื่อนจากอเมริกาเพิ่งส่งราคาน้ำมันหน้าปั๊ม (เป็นราคารวมภาษีแล้ว) จากเมือง Pearland ติดเขต Houston รัฐ Texas

ราคาน้ำมันในอเมริกาขายเป็น แกลลอน 1 แกลลอน=3.785 ลิตร ค่าเงิน 32.88บาท/ดอลลาร์

ดังนั้นราคาน้ำมันของอเมริกาเมื่อเทียบเป็นเงินบาทตามชนิดของน้ำมันจะเป็นดังนี้




เบนซิน 87 ราคาลิตรละ 22.056 บาท
เบนซิน 89 ราคาลิตรละ 25.183 บาท
เบนซิต 93 ราคาลิตรละ 26.920 บาท
ดีเซล ราคาลิตรละ 28.658 บาท

เรื่องประหลาดมหัศจรรย์ของราคาน้ำมันระหว่างราคาไทยกับราคาอเมริกาคือ

1) อเมริกานำเข้านำมันดิบจากประเทศไทย

2)อเมริกาเป็นตลาดแข่งขันเสรี ไม่มีการอุดหนุนราคา

    3)ค่าแรงคนอเมริกันสูงกว่าไทยประมาณ 10 เท่า คนไทยค่าแรงรายวันๆละ 300 บาท คนอเมริกัน ค่าแรงชั่วโมงละ 10เหรียญ คือ 300-320บาท/ชั่วโมง

คนบริหารบ้านเมืองไทยไม่ว่ามาจากนักเลือกตั้ง หรือ มาจากอำนาจพิเศษแต่งตั้งมา ไม่เคยสนใจปัญหาราคาพลังงานที่เป็นธรรมสำหรับคนไทย

ในขณะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงอย่างมาก แต่ราคาน้ำมันไทยไม่เคยลดตามกลไกตลาดที่แท้จริง



-----------------------------------------------------------------------------
ราคาน้ำมันไทยวันนี้ เบนซิน 42.26 บาท ดีเซล 29.39 บาท

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นายกฯ ออกทีวีวานนี้ กล่าวว่าเราต้องนำเข้าน้ำมันดิบถึง 80%ของที่ขุดได้ถูกต้องหรือไม่


      ท่านนายกฯ ออกทีวีวานนี้ กล่าวว่าเราต้องนำเข้าน้ำมันดิบถึง 80%ของที่ขุดได้ในประเทศเพื่อมาให้คนไทยใช้ จึงเป็นเหตุให้ต้องเร่งสัมปทาน

ข้อมูลนี้ถูกต้อง หรือไม่?

ขอตอบว่า ถูกต้อง และไม่ถูกต้องครับ

ส่วนที่ถูกต้องคือ นำเข้าน้ำมันดิบกว่า 8 แสนบาร์เรลต่อวัน เพื่อรวมกับน้ำมันที่ขุดได้ในประเทศ แล้วกลั่นได้กว่า 1 ล้านบาร์เรล คิดเป็นอัตรานำเข้า 80 % จริง

แต่ส่วนที่ผิด คือ น้ำมันดิบที่นำเข้าและที่ขุดได้ ไม่ได้ให้คนไทยใช้ทั้งหมดครับ เพราะในการกลั่น 1 ล้านบาร์เรล แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก คือ

1. คนไทยใช้เพียง 6.34 แสนบาร์เรล หรือ 100 ล้านลิตรเท่านั้น
2. การส่งออกไปทั่วโลก 2.04 แสนบาร์เรล หรือ 33 ล้านลิตร
3. ธุรกิจปิโตรเคมีเอาไปเป็นวัตถุดิบทำพลาสติก

สรุปว่า น้ำมันดิบและคอนเดนเสตที่ขุดได้มี 2.5 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือ 40 ล้านลิตร จึงสามารถพึ่งตนเองได้ถึง 40%









แต่ในทางปฏิบัติน้ำมันดิบและคอนเดนเสตที่ขุดได้กลับไม่ได้เข้าโรงกลั่นไทย แต่กลับถูกส่งออก และไปเข้าโรงปิโตรเคมี ยิ่งสร้างความขาดแคลนพลังงานในภาคประชาชน

ดังนั้น สัมปทานขุดน้ำมันไทยคงไม่ทำให้สถานการณ์พลังงานของประชาชนดีขึ้นครับ


วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พรบ.ปิโตรเลียม2514และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ที่รัฐบาลต้องทบทวน



          นอกจากพรบ.ปิโตรเลียมที่เราต้องแก้แล้ว ยังมีพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ ซึ่งเป็นพรบ.คู่แฝดที่พี่น้องคนไทยต้องรู้จัก ผมยกตัวอย่างมาตรา ๒๔ จะแสดงให้เห็นถึงความใจดีของคนไทย คือ

          1. ให้ผู้รับสัมปทานขุดน้ำมันในประเทศไทย สามารถนำรายจ่ายในกิจการปิโตรเลียม ไม่ว่าจะ "จ่ายใน"หรือ "นอกราชอาณาจักร" มาหักได้

          ข้อสังเกตุคือ คำว่ากิจการปิโตรเลียมนอกราชอาณาจักร ก็หมายความว่าไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แล้วเอามาหักกำไรในประเทศได้อย่างไรนี่ ใครอยู่สรรพากรช่วยทีครับ

          2. ให้ผู้รับสัมปทานนำรายจ่ายของ "สำนักงานใหญ่" มาหักได้ด้วย ถ้าสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐ ในอังกฤษ หรือในตะวันออกกลาง ค่าใช้จ่ายคงสูงน่าดู (หักแบบนี้รัฐบาลอังกฤษเขาไม่ยอมครับ)

          3. ให้หักค่ารับรองได้ รับรองใคร รับรองที่ไหน ในประเทศ หรือต่างประเทศ ประชาชนคงไม่มีใครทราบ

          4. สามารถนำแปลงสำรวจที่ไม่พบน้ำมันมาหักได้ด้วย ซึ่งก็เท่ากับว่า "รัฐบาลไทยเป็นผู้รับความเสี่ยง" ในการสำรวจไปด้วยนั่นเอง



ทั้งหมดนี้ ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่า ทำไมสัมปทานไทยจึงได้ผลตอบแทนน้อย
ใครหนอพูดว่า สัมปทานไทยดีที่สุด โปร่งใสที่สุด?

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สัมปทานไทยเอกชนรับความเสี่ยงทั้งหมดใช่ หรือ ไม่


รูปภาพ : ขออภัยสัมปทานไทยไม่เหมือนในโฆษณา...อีกแล้วครับ
สัมปทานไทยเอกชนรับความเสี่ยงทั้งหมดใช่ หรือ ไม่ 

คำตอบคือ ไม่ใช่ เพราะสัมปทานปิโตรเลียมไทยหย่อนยานกว่า ประเทศพัฒนาแล้ว เช่น อังกฤษ เนื่องจากสัมปทานไทยคิดภาษีปิโตรเลียมแบบรวมแปลงสัมปทาน ทำให้บริษัทนำค่าใช้จ่ายจากสัมปทานที่ออกใหม่ มาหักออกจากแปลงที่มีกำไรได้  (No Ring Fencing)

ดังนั้น หากแปลงสัมปทานใหม่ไม่เจอปิโตรเลียม ต้นทุนตรงนี้ก็ถูกนำไปหักจากกำไรในแปลงเก่าแล้ว ซึ่งเท่ากับว่ารัฐบาลไทยได้ออกเงินค่าสำรวจให้เอกชนครึ่งหนึ่งนั่นเอง 

แต่ของอังกฤษ คิดแบบแยกแปลงสัมปทาน (Field by Field) คือ คิดค่าใช้จ่ายแบบแปลงใครแปลงมัน ไม่นำมาปนกัน แปลงเก่าที่มีกำไรรัฐก็ได้ภาษีปิโตรเลียมเต็มที่ แปลงสัมปทานใหม่ที่ขาดทุนอยู่เอกชนก็ต้องเร่งผลิตให้ได้เพื่อล้างขาดทุน ทำให้รัฐได้ภาษีปิโตรเลียมเร็วขึ้น รัฐจะป้องกันการนำรายจ่ายมาหักข้ามแปลง (Ring Fencing)

สรุปว่าระบบภาษีแบบรวมแปลงของไทยมีข้อเสีย 2 ด้าน คือ 
1.ความเสี่ยงในการสำรวจที่เข้าใจว่าเป็นของเอกชนถูกผลักให้รัฐผ่านระบบการคำนวนค่าใช้จ่ายแบบรวมแปลง ทำให้รัฐได้ภาษีปิโตรเลียมน้อยลง
2.เอกชนไม่ต้องเร่งผลิตในแปลงใหม่มากนัก เพราะระบบนี้ช่วยถ่ายเทกำไรให้เอกชน ทำให้รัฐได้ภาษีช้าลง

ระบบแบ่งปันผลผลิตจะไม่มีปัญหานี้ เพราะแบ่งกันที่ปริมาณน้ำมันแยกเป็นรายแปลงอยู่แล้ว

ถึงเวลาปฏิรูปสัมปทานไทยแล้วหรือยัง?
      ขออภัยสัมปทานไทยไม่เหมือนในโฆษณา...อีกแล้วครับ

สัมปทานไทยเอกชนรับความเสี่ยงทั้งหมดใช่ หรือ ไม่

คำตอบคือ ไม่ใช่ เพราะสัมปทานปิโตรเลียมไทยหย่อนยานกว่า ประเทศพัฒนาแล้ว เช่น อังกฤษ เนื่องจากสัมปทานไทยคิดภาษีปิโตรเลียมแบบรวมแปลงสัมปทาน ทำให้บริษัทนำค่าใช้จ่ายจากสัมปทานที่ออกใหม่ มาหักออกจากแปลงที่มีกำไรได้ (No Ring Fencing)


ดังนั้น หากแปลงสัมปทานใหม่ไม่เจอปิโตรเลียม ต้นทุนตรงนี้ก็ถูกนำไปหักจากกำไรในแปลงเก่าแล้ว ซึ่งเท่ากับว่ารัฐบาลไทยได้ออกเงินค่าสำรวจให้เอกชนครึ่งหนึ่งนั่นเอง

แต่ของอังกฤษ คิดแบบแยกแปลงสัมปทาน (Field by Field) คือ คิดค่าใช้จ่ายแบบแปลงใครแปลงมัน ไม่นำมาปนกัน แปลงเก่าที่มีกำไรรัฐก็ได้ภาษีปิโตรเลียมเต็มที่ แปลงสัมปทานใหม่ที่ขาดทุนอยู่เอกชนก็ต้องเร่งผลิตให้ได้เพื่อล้างขาดทุน ทำให้รัฐได้ภาษีปิโตรเลียมเร็วขึ้น รัฐจะป้องกันการนำรายจ่ายมาหักข้ามแปลง (Ring Fencing)

สรุปว่าระบบภาษีแบบรวมแปลงของไทยมีข้อเสีย 2 ด้าน คือ
1.ความเสี่ยงในการสำรวจที่เข้าใจว่าเป็นของเอกชนถูกผลักให้รัฐผ่านระบบการคำนวนค่าใช้จ่ายแบบรวมแปลง ทำให้รัฐได้ภาษีปิโตรเลียมน้อยลง
2.เอกชนไม่ต้องเร่งผลิตในแปลงใหม่มากนัก เพราะระบบนี้ช่วยถ่ายเทกำไรให้เอกชน ทำให้รัฐได้ภาษีช้าลง

ระบบแบ่งปันผลผลิตจะไม่มีปัญหานี้ เพราะแบ่งกันที่ปริมาณน้ำมันแยกเป็นรายแปลงอยู่แล้ว

ถึงเวลาปฏิรูปสัมปทานไทยแล้วหรือยัง?

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สัมปทานปิโตรเลียมไทยใคร "มโน"


          ผู้มีชื่อเสียงทั้ง 4 ให้ข้อมูลต่างกันอย่างมากมายในเรื่องส่วนแบ่งของรัฐจากสัมปทานไทยแลนด์ 3

ตั้งแต่ต่ำสุดคือ รัฐได้ 57% จนถึงสูงสุดคือ รัฐได้ 78%
มันแตกต่างกันขนาดนี้ได้อย่างไร ?

ที่แปลกที่สุด คือ Wood Mackenzy สถาบันปิโตรเลียม แะละ สปช.ด้านพลังงานให้ข้อมูลวันเดียวกัน คือ 27 ต.ค. 57 กลับมีความแตกต่างกัน

ผมเองได้อ่านงานวิจัย อ.ภูรี แล้ว เป็นการทำตามระเบียบวิธีวิจัยที่สุดจึงมีความน่าเชื่อถือกว่า ของท่านอื่นไม่รู้ข้อมูลมาได้อย่างไร

พลังงานไม่ใช่ไสยศาสตร์ หรือ การมโนไปเอง ดังนั้น ท่านนายกฯจึงควรพิสูจน์ความถูกต้องการให้สัมปทานครับ ที่สำคัญ ควรระมัดระวังการให้ข้อมูลของผู้ที่มีผลประโยชน์จากบริษัทพลังงาน เพราะอาขมีความไม่เป็นกลางครับ


ปฏิรูปประเทศไทย ช่วงที่1 ปัญหาระบบสัมปทานปิโตรเลียม


          งานวิจัยชี้ สัมปทานไทยแลนด์ 3 ต้องแก้ไขในประเด็นหลัก คือ
1. ค่าภาคหลวงขั้นบันได จะทำให้รัฐเสียประโยชน์
2. การเก็บภาษีปิโตรเลียม ที่เป็นอยู่ ทำให้รัฐเสียประโยชน์
3. สัมปทานไทยแลนด์ 3 รัฐจะได้ส่วนแบ่งแบบถดถอย(คือได้น้อยลง) กรณีต้นทุนต่ำลง ไม่ Win Win

4. ระบบสัมปทานทำให้ ไทยสูญเสียอำนาจอธิปไตยเหนือทรัพยากร
4.1 รัฐเสียกรรมสิทธิ์ปิโตรเลียมทั้งหมด ทั้งที่ประเทศขาดแคลนพลังงา
4.2 รัฐเสียอำนาจควบคุมในทรัพยากร
4.3 ไม่มีการมีส่วนร่วมของรัฐในการจัดการทรัพยากร

5. ไม่มีใครรู้ว่าส่วนแบ่งที่แท้จริงว่า รัฐได้เท่าไร เพราะ
5.1 มิได้เปิดเผยรายจ่ายเป็นรายแปลง
5.2 ไม่สามารถคำนวณส่วนแบ่งของรัฐแยกเป็นรายแปลงได้
5.3 การคำนวณเป็นภาพรวม ทำให้ภาพของแต่ละแปลงถูกบิดเบือนไป
5.4 ผลที่ได้จาก 4 แหล่งจึงไม่ตรงกัน ขาดความน่าเชื่อถือ การนำตัวเลขใดๆ มาใช้เพื่อวางนโยบายของชาติจึงเป็นความเสี่ยงของชาติ และขัดหลักธรรมาภิบาลในการกำกับดูแลทรัพย์สินของชาติที่ดี
 

ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุผลที่พอหรือยัง ที่จะปฎิรูปสัมปทานไทย

ดูคลิปที่นี่ครับ





วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สาเหตุที่ต้องปฏิรูประบบสัมปทาน














   สาเหตุที่ต้องปฏิรูประบบสัมปทานการดำเนินการที่แตกต่างกันของรัฐใน ระบบแบ่งปันผลผลิต และระบบสัมปทานไทย ในช่วงก่อนการเซ็นต์สัญญา (Pre Licence)

สรุปง่ายว่าระบบแบ่งปันผลิตรัฐจะต้องประเมินศักยภาพทางปิโตรเลียมเสียก่อน เพื่อลดความเสี่ยงให้กับทุกฝ่าย เอกชนผู้ประมูลก็มีความมั่นใจ ผลที่ได้ คือ รัฐได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เอกชนก็คุ้มค่า ประชาชนก็สบายใจ เป็นการจัดการทรัพย์สินที่ Prudent หริอ รอบคอบตามหลักธรรมาภิบาล


ระบบแบ่งปันผลผลิตนี้ รัฐเป็นเจ้าของปิโตรเลียม เอกชนเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและเงินทุน มาทำงานร่วมกัน แล้วแบ่งน้ำมันกัน

จึงมีลักษณะเป็น "ระบบหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ"

ซึ่งต่างจากสัมปทานไทย ที่รัฐให้ไปแบบไม่ค่อยจะรู้ว่า มีปิโตรเลียมหรือไม่ ให้เอกชนไปเสี่ยงเอาเอง เมื่อรัฐรู้น้อย ทำการบ้านน้อย อย่างนี้ก็ย่อมโดนกดราคาแน่นอน ถ้าเจอเอกชนก็เอาน้ำมันไปทั้หมด

จึงมีลักษณะเป็น "ระบบเก็งกำไร"

แถมรัฐ(บางคน)ชอบย้ำว่า ตลอดว่า พลังงงานน้อย พลังงานจะหมด แต่ไม่แสดง Production Profile นี่เป็นการนำเสนอที่ผิดหลักการ ทำให้คนไทยเข้าใจผิดว่า ก๊าซและน้ำมันจะหมดใน 7 ปีซึ่งไม่เป็นความจริง

หลักธรรมาภิบาลของรัฐ คือโปร่งใส เสนอข้อมูลแบบมีหลักฐาน ตามหลักการสากล เช่นตัวอย่างของจีนที่แนบมาครับ